แม้รูปเกมจะอึดอัดและเงียบงันเกือบตลอดทั้งแมตช์ แต่สามแต้มครั้งนี้ถือว่ามีค่ามหาศาลสำหรับทีมที่เพิ่งแพ้ 6 จาก 7 นัดลีกหลังสุด พร้อมกันนั้น อเล็กซานเดอร์ อิซัก ยังยิงประตูแรกในพรีเมียร์ลีกตั้งแต่ย้ายมาด้วยค่าตัวมหาศาลจากนิวคาสเซิลอีกด้วย

ครึ่งแรกบรรยากาศเบาบางจนได้ยินเสียงเครื่องบินบนท้องฟ้า ความน่าสนใจแทบไม่มี จุดที่แฟนบอลจับตามากที่สุดคือการที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ถูกดรอปเป็นครั้งแรก หลังลิเวอร์พูลเสียสามประตูในสามนัดติดเป็นครั้งแรกในรอบ 75 ปี ทำให้อาร์เน่ สลอต เลือกปรับมาเล่นระบบ 4-2-3-1 โดยให้ โดมินิค โซบอสซ์ไล ยืนริมเส้นด้านขวาเพื่อช่วยเกมรับโจ โกเมซ ซึ่งได้ลงตัวจริงในลีกนัดแรกของซีซัน

ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ ได้บทบาทเพลย์เมกเกอร์เต็มตัว แม้ยังไม่มีสกอร์หรือแอสซิสต์ในลีก แต่ก็ขยันและเชื่อมเกมได้ดี เพียงแต่ยังหาจังหวะเข้าขากับ อิซัก ไม่ค่อยลงตัวนัก ขณะเดียวกัน โคดี้ กักโป เริ่มแสดงให้เห็นเค้าลางของการประสานงานทางฝั่งซ้าย

จังหวะใกล้เคียงที่สุดในครึ่งแรกมาจาก เวิร์ตซ์ ที่ได้หลุดยิงเน้น ๆ นาที 39 แต่ อัลฟงส์ อาเรโอลา พุ่งปัดได้ปลายมือ ด้านอิซักเองก็มีโอกาสซัดวอลเลย์สวย ๆ นาที 21 ทว่าโดนผู้รักษาประตูเจ้าบ้านเซฟอย่างเหลือเชื่อเช่นกัน

เข้าสู่ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลยังคงคุมจังหวะไว้ได้ และในที่สุดความพยายามก็มาสำเร็จในนาทีที่ 60 จากลูกเตะมุมที่โดนเคลียร์ไม่ขาด เวิร์ตซ์เก็บบอลแล้วจ่ายให้กักโปก่อนเปิดย้อนมาให้อิซักยิงสวนแบบไม่ต้องจับ ส่งลูกพุ่งเสียบตาข่ายอย่างเฉียบคม เป็นการปลดล็อกค่าตัว 135 ล้านปอนด์ได้เสียที

สถานการณ์ของเวสต์แฮมย่ำแย่ลงไปอีกเมื่อ ลูคัส ปาเกต้า ถูกไล่ออกจากสนามหลังโดนใบเหลืองสองใบติดจากการประท้วงผู้ตัดสิน ทำให้เกมรุกแทบจะหมดพิษสง และท้ายเกม ลิเวอร์พูลก็มาตอกย้ำชัยชนะจากจังหวะที่กักโปหมุนตัวยิงสุดคมให้ทีมคว้าชัย 2-0

แม้เกมนี้ไม่ได้สวยงามหรือเร้าใจ แต่สำหรับลิเวอร์พูล นี่คือชัยชนะสำคัญในการหยุดความสั่นคลอน ฟื้นความมั่นใจ และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการกลับมาสู่ฟอร์มที่ดีอีกครั้ง ขณะที่เวสต์แฮมยังคงต้องดิ้นรนหนักต่อไปในเส้นทางพรีเมียร์ลีกซีซันนี้.