ซูเปอร์สตาร์วัย 33 ปี ตกเป็นข่าวพาดหัวอย่างต่อเนื่อง หลังออกมาให้สัมภาษณ์อย่างดุเดือดเมื่อวันที่ 6 ธันวาคมว่าเขาถูกลิเวอร์พูล “โยนไว้ใต้รถบัส” ท่ามกลางความไม่ชัดเจนเรื่องอนาคตในถิ่นแอนฟิลด์ อย่างไรก็ตาม หลังเพิ่งกลับมาลงสนามในฐานะตัวสำรองเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซาลาห์จะโฟกัสเต็มที่กับความพยายามครั้งที่ 5 ในการล่าแชมป์แอฟคอน โดยก่อนหน้านี้เขาเคยอกหักในรอบชิงชนะเลิศมาแล้วถึง 2 ครั้ง

อย่างไรก็ตาม การมองเพียงสองประเด็นนี้อาจไม่เพียงพอสำหรับทัวร์นาเมนต์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความคาดเดาไม่ได้ โดยในปีที่ผ่านมา ไอวอรีโคสต์สร้างเทพนิยายคว้าแชมป์ต่อหน้าแฟนบอลทั้งที่ปลดโค้ชกลางรอบแบ่งกลุ่ม ขณะที่เซเนกัลยังคงโชว์ฟอร์มแกร่งต่อเนื่อง ด้วยชัยชนะเหนืออังกฤษในเกมอุ่นเครื่องเมื่อเดือนมิถุนายน

ไนจีเรียหวังทำผลงานให้ดีกว่าการเป็นรองแชมป์ในปี 2023 ส่วนแคเมอรูน อดีตแชมป์ 5 สมัย ดูเหมือนจะวุ่นวายไม่น้อย หลังทั้งสองทีมพลาดตั๋วไปฟุตบอลโลก 2026 และต้องการกู้ศรัทธาคืนมา

ด้วยแชมป์ที่แตกต่างกันถึง 7 ทีมจาก 8 ครั้งหลังสุด แอฟคอน 2025 ที่โมร็อกโกจึงถูกคาดหมายว่าจะเป็นทัวร์นาเมนต์ที่เข้มข้นอีกครั้ง ในฐานะถ้วยรางวัลที่ ตุนเด อเดลากุน ผู้ช่วยโค้ชทีมชาติเบนิน เรียกว่าเป็น “จอกศักดิ์สิทธิ์ของฟุตบอลแอฟริกา”

โมร็อกโก แรงกดดันพร้อมความคาดหวัง

ทัพ “สิงโตแอตลาส” ถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่ง ด้วยการเป็นเจ้าภาพ และรั้งอันดับหนึ่งของแอฟริกามาต่อเนื่อง นับตั้งแต่สร้างประวัติศาสตร์เข้าถึงรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022

แม้จะคว้าชัยติดต่อกันถึง 18 นัด แซงสถิติเดิมของสเปน แต่ก็มีข้อสังเกตว่า คู่แข่งระดับท็อป 50 ของโลกที่โมร็อกโกเอาชนะได้มีเพียงตูนิเซียเท่านั้น สำหรับ วาลิด เรกรากี และลูกทีม ซึ่งตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายในปี 2023 ความท้าทายสำคัญคือการรับมือกับแรงกดดัน

บัตรเข้าชมเกมของเจ้าภาพขายหมดภายในไม่กี่ชั่วโมง และแฟนบอลต่างคาดหวังจะได้ฉลองแชมป์แอฟคอนครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1976 ที่กรุงราบัต วันที่ 18 มกราคมนี้ แม้ อัชราฟ ฮาคิมี กัปตันทีม จะยังต้องลุ้นความฟิต แต่โมร็อกโกก็ยังถูกมองว่าน่าจะผ่านรอบแบ่งกลุ่มได้ไม่ยาก

เสียงบ่นก่อนแข่ง และความวุ่นวายของแคเมอรูน

การแข่งขันแอฟคอนกลางฤดูกาลยังคงสร้างปัญหาให้สโมสรยุโรป ขณะที่สหพันธ์ฟุตบอลแอฟริกา (CAF) แทบไม่มีทางเลือก หลังฟีฟ่าจัดฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลกในช่วงกลางปี ส่งผลให้มีการเปลี่ยนกฎการปล่อยตัวนักเตะเหลือเพียง 7 วันก่อนทัวร์นาเมนต์ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้หลายชาติ

ฝั่งแคเมอรูนต้องเผชิญความปั่นป่วน เมื่อ ซามูเอล เอโต้ ประธานสหพันธ์ฟุตบอล ปลดโค้ช มาร์ก บรีส์ ขณะที่ อองเดร โอนานา และ แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์ ถูกตัดชื่อออกจากทีมชุดนี้

ขณะที่ชาติอื่นอย่าง บอตสวานา โมซัมบิก และแทนซาเนีย ต่างหวังคว้าชัยชนะแอฟคอนครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และผ่านรอบแบ่งกลุ่มให้ได้เป็นหนแรก

แม้การมีอดีตแชมป์ถึง 12 ชาติจะทำให้โอกาสเกิดแชมป์หน้าใหม่ดูยาก แต่แฟนบอลที่ติดตามแอฟคอนมานานต่างรู้ดีว่า ฟุตบอลถ้วยนี้ “อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ”