เกมนี้เจ้าถิ่นออกนำตั้งแต่ครึ่งแรกจากประตูของ จอห์น เมร์กาโด และ ลูคัส ฮาราสลิน ก่อนที่ครึ่งหลัง การัง กูโอล อดีตกองหน้าของนิวคาสเซิลและฮาร์ทส์ จะมาบวกประตูที่สาม ปิดกล่องให้สปาร์ตา ปราก

อเบอร์ดีนแทบไม่มีโอกาสลุ้นตลอดทั้งเกม โดยต้องรอจนถึงนาทีที่ 50 จึงได้ยิงครั้งแรกจาก อาดิล อูชิเช่ ที่ปั่นบอลหลุดเสาออกไป และตลอด 90 นาที พวกเขาไม่สามารถยิงตรงกรอบได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

ทีมของ จิมมี เธลิน แม้จะไม่มีลุ้นเข้ารอบแล้ว แต่เริ่มต้นเกมได้ดีในช่วงต้น ครองบอลและต่อเกมได้มั่นใจ อย่างไรก็ตาม ความผิดพลาดกลับกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อ ดิมิทาร์ มิโตฟ นายทวารของทีมเคลียร์บอลพลาด เปิดโอกาสให้สปาร์ตาได้ประตูขึ้นนำจากเมร์กาโด

ประตูที่สองเกิดขึ้นในลักษณะคล้ายกัน เมื่อฮาราสลินตัดเข้าเท้าซ้ายก่อนซัดเต็มแรงผ่านมิโตฟเข้าไป ส่วนประตูที่สามมาจากความผิดพลาดของ แจ็ค มิลน์ ที่เสียบอลหน้าเขตโทษตัวเอง ก่อนที่ ยาน คุชต้า จะจ่ายให้กูโอลยิงเข้าไปแบบไร้ตัวประกบ

สถิติในรายการนี้สะท้อนถึงความยากลำบากของอเบอร์ดีนอย่างชัดเจน หลังเสียไปถึง 14 ประตู และยิงได้เพียง 3 ประตูตลอด 6 นัด โดยผลงานที่ดีที่สุดคือการเสมอแบบไร้สกอร์กับ เออีเค ลาร์นากา และเสมอ โนอาห์ 1-1 ในบ้าน ซึ่งเป็นทีมเดียวในกลุ่มที่ไม่ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย

แม้อเบอร์ดีนจะเผชิญกับคู่แข่งระดับแกร่งหลายทีม แต่บทวิเคราะห์ชี้ว่าพวกเขายังพลาดโอกาสสำคัญ โดยเฉพาะความผิดพลาดส่วนบุคคลที่ถูกลงโทษทันทีจากทีมที่มีคุณภาพสูงกว่า

หลังจบเกม เธลิน ให้สัมภาษณ์ว่า
“เราทำให้ตัวเองเจองานยากตั้งแต่เสียประตูแรก หลังจากนั้นเกมก็เข้าทางสปาร์ตา ครึ่งหลังดีขึ้นเล็กน้อยแต่ยังไม่ดีพอ เราไม่มีโอกาสยิงตรงกรอบเลย และต้องยอมรับว่าพวกเขาเล่นได้ดีกว่า”

“ประสบการณ์จากการเจอทีมระดับท็อปจะช่วยให้นักเตะพัฒนาในระยะยาว เราได้เล่นกับ 6 ทีม และ 5 ทีมจบในท็อปเอท ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็ถูกลงโทษทันที นี่คือสิ่งที่เราต้องเรียนรู้”

อเบอร์ดีนต้องรีบตั้งหลัก ก่อนมีโปรแกรมหนักในศึกสกอตติช พรีเมียร์ชิพ ด้วยการบุกไปเยือน เซลติก ที่กำลังอยู่ในช่วงวิกฤต ในวันอาทิตย์นี้ เวลา 15.00 น.