คีธ แอนดรูว์ส พาเบรนท์ฟอร์ดก้าวสู่ยุคใหม่ด้วยแท็กติกอันชาญฉลาด
หลังจากหลายปีแห่งความสำเร็จภายใต้การคุมทีมของ โธมัส แฟรงค์ การเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมของ คีธ แอนดรูว์ส ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ถือเป็นภารกิจสุดท้าทายสำหรับเบรนท์ฟอร์ด
แม้จะจบฤดูกาลที่แล้วด้วยอันดับ 10 ของตารางพรีเมียร์ลีก แต่หลายฝ่ายคาดว่าทีม “ผึ้งพิฆาต” คงยากจะทำผลงานซ้ำได้ หลังเสียทั้งกัปตันทีม คริสเตียน นอร์การ์ด และปีกตัวเก่ง บรายัน เอ็มเบวโม่ ออกไป
อย่างไรก็ตาม ชัยชนะสุดยิ่งใหญ่ 3-2 เหนือแชมป์เก่า ลิเวอร์พูล เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งให้เบรนท์ฟอร์ดขยับขึ้นสู่อันดับ 11 ของตาราง โดยผลงานในบ้านถือว่าดีเยี่ยม หลังเก็บชัยได้ทั้งจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แอสตัน วิลล่า ทำให้พวกเขามีสถิติในบ้านดีที่สุดเป็นอันดับ 4 ของลีก
จาก 9 นัดที่ผ่านมา เบรนท์ฟอร์ดยิงไปแล้ว 14 ประตู ซึ่งมีเพียง 7 ทีมใหญ่เท่านั้นที่ยิงได้มากกว่า ได้แก่ อาร์เซน่อล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี, ลิเวอร์พูล, สเปอร์ส และบอร์นมัธ ขณะเดียวกัน อิกอร์ ติอาโก้ กองหน้าตัวเป้า ก็ซัดไปแล้ว 6 ประตู รั้งรองดาวซัลโวร่วมของลีก ตามหลังเพียง เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์
แม้จะเป็นงานคุมทีมพรีเมียร์ลีกครั้งแรกของแอนดรูว์ส แต่เขาก็ปรับเปลี่ยนทีมอย่างเงียบ ๆ และได้ผลเกินคาด
“สิ่งที่เรามีคือความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะ” แอนดรูว์สกล่าว
“เรามีผู้เล่นที่สามารถสร้างช่วงเวลาสำคัญได้ด้วยตัวเอง ซึ่งมาจากบรรยากาศในทีม การสนับสนุนที่ได้รับ และรูปแบบการซ้อมที่เน้นพัฒนาความสามารถรายบุคคล”
ปรับแท็กติกโดยไม่ปฏิวัติ
แทนที่จะเปลี่ยนระบบทั้งหมด แอนดรูว์สเลือก “ปรับจูน” แท็กติกต่อยอดจากสมัยของแฟรงค์ โดยทีมครองบอลน้อยลงแต่ยังคงประสิทธิภาพใกล้เคียงเดิม
แม้เจ้าตัวเคยเป็นโค้ชลูกนิ่งของทีมมาก่อน แต่ประตูจากลูกตั้งเตะกลับน้อยที่สุดนับตั้งแต่เบรนท์ฟอร์ดขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกในปี 2021 อย่างไรก็ตาม พวกเขายังสร้างโอกาสจากลูกเซตพีซได้มากเป็นอันดับ 6 ของลีก โดย ไมเคิล คาโยเด้ กลายเป็นอาวุธลับจากลูกทุ่มไกล
ถึงขนาดที่ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ให้สัมภาษณ์หลังแมนฯ ซิตี้บุกชนะ 1-0 ที่จีเทค สเตเดี้ยมว่า
“มันเป็นเกมที่ยากมาก เหมือนเจอสโต๊ค ซิตี้ยุค รอรี เดอแล็ป เมื่อ 15 ปีก่อนเลย!”
เกมสวนกลับและลูกกลางอากาศคือจุดเด่นใหม่
เบรนท์ฟอร์ดของแอนดรูว์สเล่นเกมสวนกลับมากขึ้น สถิติ “จังหวะโต้กลับเร็ว” เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากยุคแฟรงค์ และทำไปแล้ว 4 ประตูจากเกมโต้กลับในฤดูกาลนี้ เท่ากับทั้งฤดูกาลก่อน มีเพียงบอร์นมัธที่ยิงจากจังหวะนี้ได้มากกว่า
ในเกมชนะเวสต์แฮม 2-0 พวกเขามีโอกาสยิงถึง 22 ครั้ง และ 10 ครั้งเป็นลูกโหม่ง — มากที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
แม้จะเสียสามแนวรุกหลักจากฤดูกาลที่แล้ว (เอ็มเบวโม่, โยอัน วิสซ่า และเควิน ชาเด้) ที่ช่วยกันยิงรวมถึง 50 ประตู แต่แนวรุกชุดใหม่กำลังเริ่มฉายแสง โดยในเกมชนะลิเวอร์พูล ทั้ง ดองโก อูอัตตาร่า, ติอาโก้ และ ชาเด้ ต่างทำประตูได้พร้อมกันเป็นครั้งแรก
แอนดรูว์สยังกล่าวชื่นชมติอาโก้ ที่กลับมาระเบิดฟอร์มหลังเจ็บยาวในฤดูกาลแรกว่า
“หัวใจของเขายิ่งใหญ่มาก เขามีจิตใจนักสู้ หลังผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากจากอาการบาดเจ็บและการปรับตัวในประเทศใหม่”
“ผมคุยกับเขาแทบทุกวันเรื่องพัฒนาการเล่น เขาเล่นด้วยความหิวกระหาย และบางครั้งผมต้องคอยเตือนให้เขาใจเย็นลงหน่อย เขากำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาคือกำลังสำคัญของเรา ซึ่งเราก็เชื่ออย่างนั้นตั้งแต่แรก”
นับตั้งแต่เลื่อนชั้นขึ้นพรีเมียร์ลีกในปี 2021 เบรนท์ฟอร์ดยังไม่เคยอยู่ในโซนตกชั้นแม้แต่สัปดาห์เดียว และจากผลงานในยุคของคีธ แอนดรูว์ส ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยังคงรักษาสถิตินั้นไว้ได้ต่อไป.