เกมนี้ถูกจดบันทึกเป็นแมตช์แรกในพรีเมียร์ลีกที่มีทั้งการทำประตู, ใบแดง และการเปลี่ยนตัวผู้เล่นครบทั้งหมดในครึ่งเวลาแรก โดยยูไนเต็ดได้ประตูจากแฟร์นันด์สและกาเซมิโร่ ขณะที่ฝั่งเชลซีตีไข่แตกจากเทรเวอร์ ชาโลบาห์ในช่วงท้าย แต่ไม่เพียงพอจะหยุดชัยชนะของเจ้าถิ่น

ช็อตสำคัญของแฟร์นันด์สเกิดขึ้นก่อนหมดเวลา 7 นาที เมื่อเขาตัดบอลจากรีซ เจมส์ กัปตันเชลซี ก่อนพาบอลลุยเดี่ยวกว่า 40 หลาไปยิงจนผู้รักษาประตูปัดออก และตามมาด้วยการปลุกอารมณ์เดอะ สเตรทฟอร์ด เอนด์ให้กึกก้อง หลังถูกเปลี่ยนตัวออก เขายังนั่งเอาใจช่วยเพื่อนร่วมทีมอย่างใจจดใจจ่อจนสิ้นเสียงนกหวีดสุดท้าย

รูเบน อาโมริม กุนซือยูไนเต็ด กล่าวชื่นชมลูกทีมว่า
“เขาคู่ควรกับเสียงสรรเสริญทั้งหมด สิ่งสำคัญคืออิทธิพลที่เขามอบให้แก่ทีม แม้บางครั้งเขาอาจไม่โดดเด่นที่สุดในทุกเกม แต่เขาทำทุกอย่างเพื่อยกระดับทีม เขาสมควรอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์สโมสร ไม่ใช่แค่จากสิ่งที่เขาทำ แต่จากความสำเร็จที่ทีมได้ร่วมกัน”

แม้ถูกวิจารณ์เรื่องวินัยเกมรับ โดยเฉพาะการยืนต่ำในตำแหน่งใหม่ที่อาโมริมมอบหมาย แต่แฟร์นันด์สยังคงเป็นหัวใจหลักในแดนกลางและเป็นผู้นำที่ทีมขาดไม่ได้

ชัยชนะครั้งนี้ถือว่าสำคัญต่อความมั่นใจของยูไนเต็ด ที่มีโอกาสทำสถิติชนะพรีเมียร์ลีก 2 นัดติดต่อกันภายใต้การคุมทีมของอาโมริมเป็นครั้งแรก หากสามารถเก็บสามแต้มในเกมเยือนเบรนท์ฟอร์ดสุดสัปดาห์หน้าได้

ฝั่งเชลซียังคงไร้ชัยที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดนับตั้งแต่ปี 2013 โดยเกมนี้ต้องเจอปัญหาหนักตั้งแต่นาทีที่ 5 เมื่อ โรเบิร์ต ซานเชซ ผู้รักษาประตูโดนใบแดงไล่ออก ส่งผลให้เอ็นโซ่ มาเรสก้าต้องปรับแท็กติกครั้งใหญ่และเปลี่ยนตัวผู้เล่นรัว ๆ ตั้งแต่ต้นเกม

เกมนี้ไม่เพียงตอกย้ำบทบาทกัปตันทีมของแฟร์นันด์ส แต่ยังแสดงให้เห็นว่า แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งภายใต้การคุมทีมของอาโมริม โดยมีเป้าหมายเดินหน้าไล่ล่าพื้นที่ท็อปโฟร์ให้ได้.