จับฉลากฟุตบอลโลก 2026 - วิเคราะห์ครบทุกกลุ่ม ใครเด่น ใครด้อย เกมไหนน่าจับตา
ศึกฟุตบอลโลก 2026 ที่จะจัดขึ้นในสหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโก เดินทางเข้าสู่ช่วงตื่นเต้นเมื่อผลการจับฉลากรอบสุดท้ายออกมาเป็นที่เรียบร้อย
กลุ่ม A
เกมเปิดสนามที่อัซเตกาจะย้อนความหลังไปถึงปี 2010 เมื่อเม็กซิโกพบแอฟริกาใต้ ซึ่งกลับมาอีกครั้งในฐานะทีมที่เพิ่งหวนคืนฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายหลังปี 2010 ด้วยผลงานเหนือไนจีเรียและเบนิน แม้มีดราม่าเรื่องผู้เล่นติดโทษแบนก็ตาม
เม็กซิโกยุค ฆาเวียร์ อากีร์เร อดีตกองหน้าในทีมชุดปี 1986 ยังลุ้นทำผลงานเข้าถึงรอบ 8 ทีมเป็นครั้งที่ 3 ส่วนเกาหลีใต้ของ ฮง มยอง-โบ เดินหน้าสู่เวิลด์คัพครั้งที่ 11 ติดต่อกันด้วยฟอร์มไร้พ่ายในรอบคัดเลือก กลุ่มนี้รอทีมจากเพลย์ออฟยุโรป (เช็ก/เดนมาร์ก/มาซิโดเนียเหนือ/ไอร์แลนด์) มาเติมให้ครบสี่ทีม
กลุ่ม B
แคนาดากลับมาภายใต้การคุมทีมของ เจสซี่ มาร์ช พร้อมขุมกำลังแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมี ไม่ว่าจะเป็น อัลฟอนโซ่ เดวีส์ หรือ โจนาธาน เดวิด ฝั่งสวิตเซอร์แลนด์ยังคงมาตรฐานสูง ผ่านเข้ารอบแบบไร้พ่าย และมีแกนหลักอย่าง ริคาร์โด โรดริเกซ – กรานิต ชาก้า ที่เตรียมเล่นฟุตบอลโลกสมัยที่ 4
กาตาร์ได้เปรียบจากการเป็นเจ้าภาพรอบคัดเลือกรอบสุดท้าย และผ่านเข้ารอบด้วยทีมที่เรียกผู้เล่นจากลีกในประเทศทั้งหมด จุดตัดสินความ “หนักเบา” ของกลุ่มนี้อยู่ที่ว่าอิตาลีจะผ่านเพลย์ออฟมาได้หรือไม่
กลุ่ม C
สกอตแลนด์กลับสู่เวิลด์คัพครั้งแรกในรอบ 28 ปี โดยหวังลบสถิติ “ตกรอบแรกทุกครั้ง” หลังเคยเจอทั้งบราซิลและโมร็อกโกในปี 1998 คราวนี้เผชิญ เฮติ ที่กลับมาหลังเหตุการณ์อื้อฉาวเมื่อปี 1974
บราซิลยุค คาร์โล อันเชลอตติ เริ่มเข้าที่ แม้คัดเลือกโซนอเมริกาใต้ไม่กดดันเหมือนก่อน ส่วนโมร็อกโก รองแชมป์โลก 2022 โซนแอฟริกา จัดเต็มผ่านรอบคัดเลือกแบบ 100% ชนะรวด ดูแล้วเป็นทีมจากแอฟริกาที่แกร่งที่สุด
กลุ่ม D
สหรัฐฯ พลิกฟอร์มจากความย่ำแย่ในปีที่ผ่านมา มาเป็นทีมผลงานน่าตื่นเต้นภายใต้ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ โดยยิงอุรุกวัย 5-1 ในเกมอุ่นเครื่อง ทว่าเกมแรกดันเจอปารากวัย ทีมที่เข้ารอบมาแบบเหนียวแน่นตามสไตล์—ยิงน้อยแต่เสียยาก
ออสเตรเลียของ โทนี่ ปอปโปวิช อาจไม่ได้ดุดันเหมือนชุดก่อน แต่ผลงานชนะญี่ปุ่นและซาอุฯ ในเกมสำคัญส่งพวกเขามาอยู่ที่นี่ ขณะเดียวกัน กลุ่มยังรอผู้ชนะเพลย์ออฟยุโรปสาย C
กลุ่ม E
เยอรมนีภายใต้ ยูเลียน นาเกิลส์มันน์ ยังดูเปราะบางหลังตกรอบแบ่งกลุ่มสองครั้งติด ขณะที่เอกวาดอร์กลายเป็นทีมเซอร์ไพรส์ของรอบคัดเลือก—ยิงไม่เยอะแต่แนวรับแข็งมาก เสียเพียง 5 ประตูใน 18 นัด
ไอวอรี่โคสต์หลังยุคทอง แต่ภายใต้ เอเมิร์ส แฟเอ พวกเขาทะยานกลับมาแรงด้วยผลงานสุดโหด ยิง 25 ลูกไม่เสียประตูแม้แต่ลูกเดียว ส่วนคูราเซา ประเทศที่เล็กที่สุดที่เคยผ่านเข้ารอบ ทำให้ความโหดของกลุ่มลดลงเล็กน้อย
กลุ่ม F
เนเธอร์แลนด์ของ โรนัลด์ คูมัน ไม่ได้มีซูเปอร์สตาร์มากมายเหมือนยุคก่อน แต่เล่นเป็นระบบและไม่แพ้ใครตลอดคัดเลือก เปิดสนามกับญี่ปุ่น—ทีมที่แข็งที่สุดในเอเชียชุดนี้ ยิงรวม +51 ในรอบคัดเลือก
ตูนิเซียมาแบบไร้ความกดดัน พร้อมเกมรุกหลากหลายจากผู้ทำประตูถึง 14 คน และถ้าสวีเดนเข้ารอบเพลย์ออฟจะเป็นการรีแมตช์เกมดังปี 1974 เมื่อโยฮัน ครัฟฟ์งัดลูกเล่น “ครัฟฟ์เทิร์น” ขึ้นมาให้โลกจำ
กลุ่ม G
เบลเยียม–อียิปต์ คือการพบกันของสองชาติที่กำลังเปลี่ยนผ่านจากยุคทอง เบลเยียมยิงกระจายแต่เกมรับเปราะ ขณะที่อียิปต์กลับแข็งขึ้นเรื่อยๆ จากเกมรับที่เสียเพียงสองลูกใน 10 นัด
นิวซีแลนด์แทบการันตีเข้ารอบเพราะโควตาโอเชียเนีย แต่ยังเป็นทีมอันดับต่ำสุดในเวิลด์คัพครั้งนี้ และการต้องเจออิหร่านอาจมีปัญหาด้านการเดินทางจากมาตรการห้ามเข้าประเทศสหรัฐฯ
กลุ่ม H
สเปนยุค หลุยส์ เด ลา ฟวนเต ยังแข็งแกร่งแบบไร้ข้อกังขา ยิงเฉลี่ย 3.5 ประตูต่อเกมในรอบคัดเลือก ส่วนอุรุกวัยภายใต้ มาร์เซโล บิเอลซ่า เริ่มต้นดีแต่หลุดฟอร์มหนักช่วงหลังถึงขั้นโดนสหรัฐฯ ถล่ม 5-1
เคปเวิร์ด คือทีมม้ามืดแห่งทวีปแอฟริกา ด้วยเกมรับเหนียวที่ล้มแคเมอรูน ส่วนซาอุดีอาระเบียของ แอร์กเว่ เรอนาร์ ผ่านเข้าแบบหืดจับหลังต้องเล่นเพลย์ออฟรอบพิเศษในเจดดาห์
กลุ่ม I
ซูเปอร์บิ๊กแมตช์รออยู่เมื่อฝรั่งเศสของ เอ็มบัปเป้ จะเจอนอร์เวย์ของ ฮาแลนด์ ในเกมสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม แต่ก่อนถึงตอนนั้นพวกเขาต้องเจอเซเนกัล—ทีมที่เคยสร้างตำนานล้มแชมป์โลกในปี 2002
ฝรั่งเศสยังอุดมไปด้วยตัวเก่งแต่ผลงานไม่สม่ำเสมอ ส่วน นอร์เวย์ แพ้ใครไม่เป็น ยิง 37 ลูกจาก 8 เกม ขณะที่เซเนกัลยังอันตรายทั้งแนวรุกและแดนกลาง กลุ่มนี้ยังรอทีมจากเพลย์ออฟ (โบลิเวีย/ซูรินาม/อิรัก)
กลุ่ม J
อาร์เจนตินาที่กลับมาคว้าโทรฟีต่อเนื่องในยุค ลิโอเนล สกาโลนี่ นำทัพโดย เมสซี วัยใกล้ 39 ปี ซึ่งกลายเป็นคำถามว่าจะยังได้ออกสตาร์ตต่อไปหรือไม่
แอลจีเรียของ วลาดิเมียร์ เพ็ตโควิช เล่นสนุกกว่าเดิม ส่วนออสเตรียของ ราล์ฟ รังนิก ยังคงเป็นทีมวิ่งสู้ฟัดที่ดุดันในแดนกลาง ขณะที่จอร์แดนมีระบบ 3-4-3 ที่เน้นรับแน่นแล้วสวนกลับเร็ว
กลุ่ม K
โปรตุเกสยังต้องพึ่ง คริสเตียโน โรนัลโด แม้อายุ 40 และฟอร์มอาจชะลอเกมรุกของทีม แต่โรแบร์โต มาร์ติเนซ ยืนยันจะใช้งานแน่นอน คู่แข่งอาจเป็นดีอาร์ คองโก ถ้าผ่านรอบเพลย์ออฟ
อุซเบกิสถานถูกมองว่าได้ประโยชน์จากฟุตบอลโลกรอบขยาย แต่ผลงานรอบคัดเลือกพิสูจน์ว่าพวกเขา “คู่ควร” ส่วนโคลอมเบียมีอาวุธครบมือทั้ง ฮาเมส โรดริเกซ และ หลุยส์ ดิอาซ
กลุ่ม L
อังกฤษภายใต้ โธมัส ทูเคิ่ล ตั้งเป้า “แชมป์เท่านั้น” ผ่านคัดเลือกแบบไม่เสียประตู พร้อมขุมกำลังแนวรุกดีที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติ แต่การลุ้นต้องภาวนาให้ แฮร์รี เคน ฟิตตลอดทัวร์นาเมนต์
โครเอเชียยังคงแกร่งตามสไตล์ ดันตัวเองขึ้นมาเป็นทีมวาง โกยแต้มจนผ่านเข้าแบบไร้กังวล ส่วนกานาแม้หลุดไป Afcon แต่ผลงานคัดเลือกกลับร้อนแรงชนะ 8 จาก 10 นัด ปิดท้ายคือปานามาที่เข้ารอบแบบไร้พ่ายจากโซนคอนคาเคฟ
ฟุตบอลโลก 2026 จึงเป็นทัวร์นาเมนต์ที่เต็มไปด้วยทีมหน้าเก่า–หน้าใหม่ เรื่องราวดราม่า และการปะทะกันของซูเปอร์สตาร์หลายเจเนอเรชัน แฟนบอลเตรียมลุ้นกันยาว ๆ ได้เลย