ลีโอเนล เมสซี, อาร์เจนติน่า และความสมบูรณ์แบบ

นี่คือแมตช์ฟุตบอลโลกที่ดีที่สุดตั้งแต่ผมออกจากท้องแม่
สำนวนของทีมชาติอังกฤษ “It’s coming home!” คู่ควรกับทีมชาติอาร์เจนติน่า เสียเหลือเกิน เพราะการรอคอยตลอด 36 ปี ที่ ดิเอโก้ มาราโดน่า ชูถ้วยลูกบอลทองคำในปี 1986 วันนี้ ลีโอเนล เมสซี่ และผองเพื่อนทัพ ‘ฟ้าขาว’ นำโทรฟี่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก กลับสู่กรุงบัวโนสไอเรส
เอาล่ะ มีเรื่องราวที่น่าสนใจเกิดขึ้นมามากมาย ตลอด 29 วันที่ผ่านมา เป็นการปิดฉากฟุตบอลโลกที่งดงามของชาวอาร์เจนไตน์
เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ผู้รักษาประตูมาดนักเลง ผู้ที่ขึ้นชื่อลือกาแฟมาเนิ่นนานว่า เป็นเจ้าแห่งการดวลจุดโทษ รอบนี้ก็เช่นกัน แม้นายด่านจอมกวนจะพลาดท่าให้กับ คิลิย็อง เอ็มบาปเป้ ได้ซัดแฮตทริค (ไอ้นี่ก็สุดยอดจริงๆ) แต่เขาแก้ตัวได้สำเร็จในการดวลแม่นเป้า จนพาทีมถึงฝั่งฝัน
นี่ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน เอมี่ ยังเป็นเพียงแค่ตัวสำรองให้กับ ‘ปืนใหญ่’ อาร์เซน่อล ทีมจ่าฝูงของพรีเมียร์ลีกอยู่เลย (แถมโดนยืมตัวแต่ละที ก็สำรองแทบทุกซีซั่น) ผ่านไปปีเดียว ได้แชมป์โคป้า อเมริกาใต้ ถัดมาอีกปีพ่วงด้วย FIFA World Cup ขอแสดงความยินดีกับนักสู้ใจสิงห์รายนี้จริงๆ
อีกคนที่ไม่กล่าวถึงคงไม่ได้ เอ็นโซ่ แฟร์นานเดซ ห้องเครื่องวัย 21 กะรัต จาก ‘เหยี่ยวลิสบอน’ เบนฟิก้า เขาเพิ่งย้ายมาลงสนามในลีกยุโรปไปแค่ 18 นัด ปัจจุบัน กลายเป็นคนขับเคลื่อนทั้งเกมรุกและเกมรับ พัฒนาเป็นศูนย์กลางของการเล่นฟุตบอลสมัยใหม่ ด้วยการถอยลงต่ำเพื่อคอนโทรลจังหวะของเกมได้อย่างเนียนกริบ
ปิดท้ายที่ ลีโอเนล เมสซี่ วีรบุรุษต่างดาว ผู้ยิงทุกเกมให้ อาร์เจนติน่า ในรอบน็อกเอาต์ ก้าวข้าม มิโรสลาฟ โคลเซ่, แกร์ด มุลเลอร์ และ โรนัลโด้ ‘โล้นทองคำ’ ในฐานะผู้ที่มีส่วนร่วม 21 ประตูคนแรกในศึกฟุตบอลโลก (13 ประตู 8 แอสซิสต์) นับตั้งแต่ปี 1966 เขาคว้าทุกแชมป์ระดับ Major มาครบทุกใบ ทั้งในนามทีมชาติและสโมสร เป็นทั้งแรงบันดาลใจและสัญลักษณ์แห่งความสมบูรณ์แบบ
จากเด็กที่ขาดฮอร์โมนเจริญเติบโตในวัยเด็ก, แพะรับบาปที่พลาดจุดโทษในนัดชิงโคป้า 2016 หรือคำครหาถึงความเก่งกาจแค่กับ บาร์เซโลน่า ตอนนี้ตำนานเทพนิยายแห่งโลกลูกหนังก็ถึงจุดไคล์แม็กซ์เสียที เป็นภาพยนตร์ที่ไม่อาจหาคำบรรยายไหนมาเทียบเคียง
ผมกับคุณแม่งโคตรโชคดีเลยจริงๆ.
เขียนโดย What The Fluke
The Lite Team.

