PSG ยิ้มกริ่มแบบไม่ต้องรอผลนัดชิงบอลโลก

เมื่อวานนี้อากาศเย็นสบาย เหมาะแก่การจิบเบียร์นุ่มๆ แล้วผิวปากร้องเพลง “ลมหนาวมาเมื่อไร ใจฉันคงยิ่งเหงา…”
เป็นการสร้างบรรยากาศดีๆก่อนเกมที่ ทีมชาติฝรั่งเศส จะเข้าปะทะเดือดเพื่อตั๋วใบสุดท้ายของวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2565 กับทีมชาติโมร็อกโก ซึ่งไม่มีอะไรพลิกโผ ‘ตราไก่’ ในฐานะตัวเต็งประจำทัวร์นาเมนต์ เอาชนะทีมคู่แข่งไปแบบสบายเท้า 2-0 โดยได้ประตูจาก ธีโอ เอร์นานเดซ และ แรนเดล มูอานี่ ภายในระยะเวลา 90 นาที เข้ารอบชิงชนะเลิศไปป้องกันแชมป์กับ ทีมชาติอาร์เจนติน่า
ก่อนหน้านี้ กระผมเพิ่งจะสะบัดน้ำหมึกเขียนเรื่องราวเทพนิยายเพ้อฝัน เกี่ยวกับความหวังที่จะได้เห็น ลีโอเนล เมสซี่ ลงแข่งขันในรอบ Final เจอกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่ปรากฎว่า ‘ฝอยทอง’ โปรตุเกส ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายไปอย่างน่าเสียดาย
ราวกับว่า พระเจ้าเองก็ยังเอ็นดูในความน่าชังของพวกเราอยู่เหมือนกัน ท่านเลยจัดแมตช์สุดอลังการงานสร้างที่ ‘มนุษย์สองตาอ่าน สองมือเขียน ทำงานง่กๆๆ’ ได้ลุ้นว่าผลสกอร์ตอน 24 นาฬิกาตรง จะเป็นการคว้าแชมป์โลกสองสมัยซ้อนทีมแรกของโลก อย่าง ทีมชาติฝรั่งเศส หรือ พลังสามัคคีของทีมชาติอาร์เจนติน่า เพื่อเชิดชูให้ ‘LM10’ กลายเป็นนักเตะที่สมบูรณ์แบบที่สุดตลอดกาล
ถามว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่จะเป็นตัวตัดสินได้คร่าวๆ...ก็คงเป็นตัวคีย์แมนทั้งสองฝ่ายนั่นแล
สตาร์เบอร์หนึ่งทัพ ‘ฟ้าขาว’ เราต่างรู้จักเขาดีกันอยู่แล้ว ในขณะที่ฟาก ‘ตราไก่’ ก็เป็น คิลิย็อง เอ็มบาปเป้ อดีตเด็กค่าตัวพรีเมี่ยมที่ถูกเรียกว่า ‘นิว เธียร์รี่ อองรี’ แต่ตอนนี้ เขาได้สถาปนาตัวเองผ่านฝีตีนในสนาม ให้กลายเป็น ‘The Original One Mbappe’ นินจาเต่าผู้สร้างสรรค์เกมรุกได้ทุกรูปแบบในพื้นที่สุดท้าย
ท่ามกลางข่าวฉาวตลอดสามเดือน แคมป์ ปารีส แซงต์ เฌอแม็ง มีการแบ่งพรรคแบ่งพวกกันระหว่าง ‘ประธานเป้’ และ ‘พรี่เมส’ ยิ่งอาจทำให้อุณหภูมิของเกมวันอาทิตย์นี้เดือดขึ้น เหมือนแกงฟักใส่ถุงที่ร้านป้าตามสั่งก็ไม่ปาน
ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ชูเกียรติยศสูงสุดในอาชีพนักฟุตบอล ก็พอจะติ๊ต่างได้อยู่ดีว่า PSG อาจกลายเป็นเต็งหนึ่งในศึกล่าถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก ปีนี้ แทนที่ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั่นเอง.
เขียนโดย What The Fluke
The Lite Team.

