อันที่จริงแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรมาก ความเข้มข้นราวกับ ‘ต้มยำไก่ใส่เห็ด’ ของฟุตบอลโลกในแต่ละครั้ง คนที่เป็นโค้ชผู้แบกรับความหวังของคนทั้งชาติ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเตรียมแผนรับมือกับอนาคตที่พอจะคาดเดาได้

ถ้าถามว่าคาดเดาอย่างไรน่ะหรือ? ก็ Group B ของทีมชาติอังกฤษ ล้วนมีแต่ ‘สมันตุ๋น’ หวานนุ่ม อร่อยเหาะไปเสียทุกคำที่เคี้ยว

ขอประทานโทษ…นี่ไม่ใช่การดูถูก อิหร่าน, เวลส์ และ สหรัฐอเมริกา แต่อย่างใด เพียงแต่ว่า ขุมกำลังและประสบการณ์ของพวกเขา ยังห่างกับทีมเมืองผู้ดีอยู่หลายสิบไมล์ นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไม แกเร็ธ เซาท์เกธ จึงต้องมองว่า ตัวเองคือแชมป์กลุ่มตั้งแต่แรกอย่างไม่เคอะเขิน

ในขณะที่ Group A นอกจากทีมชาติเนเธอร์แลนด์แล้ว ก็คงจะมีทีมชาติเซเนกัลนี่แหละ ที่แข็งแกร่งที่สุด เพราะมีดีกรีเป็นถึง แชมป์แอฟริกัน เนชั่น คัพ ปี 2021 และตัวชูโรงที่ได้รับบาดเจ็บไปก่อนหน้านี้ อย่าง ซาดิโอ มาเน่ ก็เคยร่ายมนต์กระชากวิญญาณแนวรับในลีคเมืองผู้ดีอยู่หลายปีฝน เพราะฉะนั้น หน้าที่ของเฮดโค้ชชาวอังกฤษ ก็แค่ต้องทำการบ้านกับฟอร์มของทั้ง 2 ทีมนี้แต่เนิ่นๆ เพื่อรอวันเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ของจริง

ปิดท้ายที่ อิสไมล่า ซาร์ ปีกตัวความหวัง ผู้เคยงัดฟอร์มให้แฟนบอลได้จับตามองกันมาแล้วในซีซั่นก่อน เขาซัดไป  6 ประตู จาก 17 นัด ในศึกแชมเปี้ยนชิพ ปี 2022/23 และโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลก รับเรตติ้งสูงสุดที่ 7.37 ทิ้งห่างเพื่อนร่วมทีมซะไกล

การดวลกันระหว่าง ‘สิงโตสามตัว’ และ ‘สิงโตแห่งกาฬทวีป’ ครั้งนี้ จึงเป็นอะไรที่น่าดูเสียยิ่งกว่า ‘10 Fight 10’ !!